เฉิงตู (Chengdu) มหานครอันยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลา

Update : 2024-09-10 (BiggestJoy)

เฉิงตู (Chengdu) เป็นเมืองเอกอันยิ่งใหญ่ตั้งอยู่ใจกลาง มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ซึ่งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำหมิน ที่อุดมสมบูรณ์ มีประชากรราว 14 ล้านคน เมืองเฉิงตูนั้นนอกจากจะเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร การศึกษา การคมนาคม และอุตสาหกรรมแห่งภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้แล้ว ยังพรั่งพร้อมไปด้วยวัฒนธรรมโบราณ และศิลปะที่หลากหลายที่สืบทอดมายาวนานนับพันปี คู่ขนานไปกับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัยได้อย่างลงตัว ซึ่งเราจะพบเห็นได้ที่เมืองเฉิงตู

จุดกำเนิดนครเฉิงตู กับ วิศวะกรรมสถาน 2,000 ปี ที่ท้าทายอนาคต

รู้หรือไม่ว่า ? เมืองเฉิงตูมีวิศวะกรรมชลปทานที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ราว 2,000 ปีที่แล้ว และยังใช้ได้ดีมาจนถึงปัจจุบันนี้

เขื่อนตูเจียงเอี้ยน มรดกโลกแห่งวิศวะกรรมชลปทาน ที่สร้างตำนานมาตั้งแต่สมัย จิ๋นซีฮ่องเต้

เมืองเฉิงตูประสบกับปัญหาน้ำท่วมทุกปี ทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก ฮ่องเต้จึงให้หลีปิง ผู้ปกครองนครในสมัยนั้น แก้ปัญหาน้ำท่วม เมื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ ชาวนาชาวไร่เพาะปลูกได้ดี ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ผู้คนจึงเริ่มอพยพมาที่เมืองนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้เองจึงได้ชื่อว่า “เฉิงตู” ซึ่งแปลว่า “ค่อย ๆ กลายเป็นเมือง” ในปัจจุบันนี้ สุดยอดระบบชลประทานภูมิปัญญาบรรพบุรุษของชาวเฉิงตู ยังคงยืนหยัดท้าทายอนาคต และถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกใน พ.ศ. 2543 ที่คนจีนทั้งประเทศภาคภูมิใจ

--------------------------------------

เฉิงตู เมืองแห่งนักปราชญ์ กับยุทธศาสตร์กู้แผ่นดิน

รู้หรือไม่ว่า ? นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นครเฉินตูเป็นเมืองประวัติศาสตร์แห่งเดียวของจีนที่ไม่เคยเปลี่ยนชื่อและย้ายที่ตั้งเลย

เมืองเฉิงตูนั้น ได้ถูกกล่าวถึงในวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ชื่อก้องโลก เรื่องสามก๊ก (ค.ศ.220-280) โดยเมืองเฉิงตูในอดีตนั้น เป็นเมืองหลวงของ แคว้นจ๊กก๊ก ของเล่าปี่ ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่มีเทือกเขาสูงชันล้อมรอบ จึงทำให้ปราชญ์แห่งยุค บุคคลในตำนานอย่าง ขงเบ้ง เลือกที่นี่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นฐานที่มั่นทางทหาร ดังนั้นประวัติศาสตร์มากมายจึงถูกเขียนขึ้นจากเมืองเฉิงตูแห่งนี้ ซึ่งจะเห็นได้จากร่องรอยอารยธรรมโบราณที่ยังคงพบเห็นได้ทั่วไปในเมืองเฉิงตู เช่น ศาลขงเบ้ง หรือ “อู่โหวฉือ” บนเนื้อที่แสนกว่าตารางเมตร มีรูปเคารพของวีรบุรุษจ๊กก๊ก ไม่ว่าจะเป็น เล่าปี่ ขงเบ้ง กว่า 50 ชิ้น ล้วนเป็นฝีมือของศิลปินสมัยราชวงศ์ชิง หากผู้ใดได้ไปเยือนศาลแห่งนี้ ก็เหมือนได้ย้อนกลับไปในยุคพันกว่าปีที่แล้วเลยทีเดียว

--------------------------------------

เฉิงตู เมืองของคนสายชิลด์

รู้หรือไม่ว่า ? เมืองเฉิงตูมีจักรยานให้เช่าปั่นไปได้ทั้งเมือง

เมืองเฉิงตู มีการคมนาคมสะดวกมาก โดยเราจะเห็นได้ว่า การวางผังเมืองของเฉิงตูนั้นเป็นลักษณะเหมือนใยแมงมุมจึงทำให้สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง และเฉิงตูยังมีรถไฟฟ้าใต้ดินครอบคลุมทั้งเมืองอีกด้วย นอกจากนี้ในเมืองยังมีจักรยานให้เช่าปั่นไปได้ทั่วเมือง โดยไม่ต้องห่วงเรื่องผิวจะเสีย เหงื่อจะออกท่วมตัว เพราะ เฉิงตูขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ไร้แดด จนถึงขั้นกล่าวกันว่า หากวันใดมีแดดส่องถึงเมืองเฉิงตู วันนั้นผู้คนจะพากันออกมาดูด้วยความตื่นเต้น

--------------------------------------

12 ที่เที่ยวเมืองเฉิงตูที่ไม่ควรพลาด

1. ศาลเจ้าสามก๊ก (Wu Hou Shrine)

2. ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนดา (Giant Panda Breeding Research Base)

3. สะพานอันชุน (Anshun)

4. วังแพะเขียว (Qingyang Palace)

5. อารามเหวินซู (Wenshu Yuan Monastery)

6. ถนนโบราณจินหลี่ (Jinli Street)

7. ถนนโบราณควานจ่าย (Kuan Zhai Xiang Zi)

8. ถนนชุนซีลู่ (Chunxi Road)

9. จตุรัสเทียนฟู่ (Tianfu Square)

10. เขื่อนตูเจียงเอี้ยน (Dujiangyan Irrigation Project)

11. วัดต้าสือ (Daci Temple) วัดที่พระถังซัมจั๋งบวชเป็นพระภิกษุ

12. พิพิธภัณฑ์อาหารเสฉวน (Sichuan Cuisine Museum)

1. ศาลเจ้าสามก๊ก (Wu Hou Shrine)

ศาลเจ้าสามก๊ก หรือ “อู่โหวสือ” ตั้งอยู่ที่นครเฉิงตู มณฑลเสฉวนของประเทศจีน เป็นศาลที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงขงเบ้ง มหาเสนาบดีแห่งจ๊กก๊ก และเป็นศาลเจ้าแห่งเดียวของจีนที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาทั้งผู้ปกครองบ้านเมืองและขุนนาง

ศาลเจ้าสามก๊ก แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.223 เพื่อรำลึกถึงบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์สามก๊ก หรือสมัย ค.ศ.220-280 ซึ่งสิ่งก่อสร้างต่างๆ เป็นผลงานการก่อสร้างที่ปรับปรุงในปีที่ 11 ของจักรพรรดิ์คังซีแห่งราชวงศ์ชิง และศาลเจ้าแห่งนี้ก็ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นโบราณสถานแห่งชาติที่สำคัญของจีนในปี ค.ศ.1961 ต่อมาจึงได้สร้างสถานที่แห่งนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เมี่อปี ค.ศ.1984

--------------------------------------

2. ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า (Giant Panda Breeding Research Base)

อยู่บนเนื้อที่ 600,000 ตารางเมตร ซึ่งใช้เป็นศูนย์เพาะพันธุ์และอนุรักษ์ รวมถึงใช้เป็นสถานที่ศึกษาหมีแพนด้าซึ่งเป็นสัตว์อนุรักษ์ของประเทศจีน

--------------------------------------

3. สะพานอันชุน 安顺桥 (Anshun)

สะพานอันชุน Anshun เป็นสะพานข้ามแม่น้ำจินเจียง ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่มีหลังคาปกคลุมที่เก่าแก่ที่สุดในเขตเมืองของเฉิงตู นอกจากนี้บริเวณสองฝั่งของแม่น้ำยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ ร้านน้ำชา ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงามที่สุดในเขต Jiuyanqiao อีกด้วย ที่นี่จึงเป็นจุดเช็คอินที่ผู้มาเยือนไม่ควรพลาด

--------------------------------------

4. วังแพะเขียว 青羊宮 (Qingyang Palace)

วังแพะเขียว สถานที่เกี่ยวกับลัทธิเต๋า ประกอบไปด้วย ตำหนัก 3 เทวดา ศาลายันต์แปดเหลี่ยมและเสามังกรเก้าต้นที่แกะสลักได้อย่างงดงามอายุยาวนานกว่า 5000 ปี ด้านในจะมีรูปปั้นสัมฤทธิ์เป็นแพะทองที่เชื่อกันว่า ถ้าหากเจ็บป่วยไม่สบาย ให้นำมือไปลูบแล้ว จับส่วนนั้นของแพะแล้วจะหายจากป่วยทันที และที่สำคัญสิ่งทำให้เปลวเทียนยังคงสว่างไสว ควันธูปบูชามิเคยจางหาย ก็เนื่องมาจากความศรัทธาจากผู้คนที่หลั่งไหลมาขอพรจากเทพกษัตริย์ ซึ่งมีความเชื่อกันว่า เมื่อได้ศักการะด้วยจิตที่สงบแล้ว จะนำพาให้ผู้นั้นประสบผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่นั่นเอง

--------------------------------------

5. อารามเหวินซู 文殊院 (Wenshu Yuan Monastery)

อารามเหวินซู เป็นวัดพุทธเก่าแก่ที่คงความดั้งเดิมที่สุดในนครเฉิงตู นอกจากความศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานแล้ว ศิลปะอันล้ำค่า สมัย ราชวงศ์ถังและซ้อง อันรวมถึง ภาพเขียนกว่า 500 ชิ้น งานเขียนลายมือในงานสำคัญๆ ซึ่งถูกเก็บไว้ที่นี่ รวมถึงความร่มรื่นภายในวัด ก็เป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่น้อยได้เดินทางมาเยี่ยมชม

--------------------------------------

6. ถนนโบราณจินหลี่ 锦里古街 (Jinli Street)

ถนนโบราณแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัดวูเฮา ถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ช่วงต้นราชวงศ์ฉิน (ปี ค.ศ. 221-206 ก่อนคริสตกาล) มีชื่อเสียงมากในเรื่องของการซื้อ-ขายผ้าเนื้อดี เป็นย่านการค้าที่รุ่งเรืองมากในช่วงอาณาจักร Shu (ปี ค.ศ. 221-263) และเพื่อเรียกคืนสู่ความรุ่งเรืองของถนนแห่งนี้อีกครั้ง จึงได้รับการบูรณะและเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าไปเที่ยวชมเมื่อปี ค.ศ. 2004 และนับตั้งแต่นั้นมาถนนแห่งนี้ก็คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติ

ถนนจินหลี เป็นถนนโบราณที่มีสินค้าให้ท่านช้อปปิ้งได้ทั้งของรับประทานและของฝากของที่ระลึกมากมาย และที่สำคัญถนนนี้จะคราคร่ำไปด้วยหนุ่มสาว ที่มาอธิษฐานให้ความรักสมหวังโดยจะเขียนชื่อบรรจุลงไปในถุงผ้า แล้วนำไปผูกไว้ที่ต้นแปะก๊วยโบราณซึ่งมีอายุนับร้อย ๆ ปี

--------------------------------------

7. ถนนโบราณควานจ่าย 宽窄巷子 (Kuan Zhai Xiang Zi)

ควานจ่าย หรือ ซอยแคบ-กว้าง ถนนโบราณสุดโรแมนติก ที่บ้านหลายๆหลังในบริเวณนี้ยังคงสไตส์ความเป็นจีนแบบโบราณอายุมากกว่าพันปีตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง อดีตเคยเป็นบ้านของนายทหาร แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นถนนคนเดินขายของที่ระลึก ของกิน โรงละคร พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ โดยถนนแห่งนี้เชื่อมต่อกันและถูกแบ่งเป็น 2 สาย มีทั้งซอยกว้าง และซอยแคบ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม และมีประชากรอาศัยอยู่ เมืองนี้กำลังจะพัฒนาที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับขนานนามว่า เป็นเมืองโบราณคู่รักโรแมนติค เป็นแหล่งนัดพบของหนุ่มสาว

--------------------------------------

8. ถนนชุนซีลู่ 春熙路 (Chunxi Road)

ซึ่งเป็นย่านวัยรุ่น เปรียบได้กับสยามสแคว์ในบ้านเรา ซึ่งขายสินค้าที่ทันสมัยเป็นถนนที่ปิดไม่ไห้รถ สามารถวิ่งผ่านได้ ห้างดังในย่านนี้มีให้เลือกช้อปปิ้งมากมายหลากหลายทั้งแบรนด์เนมและแบรนจีน

--------------------------------------

9. จตุรัสเทียนฟู่ 天府广场 (Tianfu Square)

จัตุรัสเทียนฟู สัญลักษณ์ของเมืองเฉิงตูตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นจัตุรัสกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนจึงมีตำแหน่งและชื่อเสียงในเสฉวนเช่นเดียวกับจัตุรัสเทียนอันเหมินในปักกิ่ง ด้วยพื้นที่ 88,368 ตารางเมตร (105,687 ตารางหลา) จัตุรัสแห่งนี้เป็นภาพพิเศษที่ล้อมรอบไปด้วยตึกระฟ้า ว่ากันว่าใครที่ไม่มาเยี่ยมชมจัตุรัสเทียนฟูจะไม่ได้ไปเฉิงตูด้วยซ้ำ

--------------------------------------

10. เขื่อนตูเจียงเอี้ยน 都江堰 (Dujiangyan Irrigation Project)

วิศวะกรรมชลปทานที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ราว 2,000 ปีที่แล้ว และยังใช้ได้ดีมาจนถึงปัจจุบันนี้ ภายในเขื่อนแวดล้อมไปด้วยต้นไม้และทัศนียภาพที่สวยงาม มีสะพาน Anlan Cable Bridge พาดผ่านระหว่างแม่น้ำหมินเจียง สามารถชมวิวที่สวยงามของเขื่อนตูเจียงเอี้ยนได้จากจุดนี้

--------------------------------------

11. วัดต้าสือ (Daci Temple) วัดที่พระถังซัมจั๋งบวชเป็นพระภิกษุ

วัดต้าสือ หรือวัดต้าฉือ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานกว่า 1,600 ปี ตั้งอยู่ในใจกลางของ Chengdu ที่นี่ถือเป็นสถานที่สำคัญที่น่าสนใจ เพราะเป็นวัดที่พระถังซัมจั๋งบวชเป็นพระภิกษุ ก่อนจะย้ายไปจำพรรษายังวัดอื่น ภายในวัดต้าสือนั้นเงียบสงบ กว้างขวาง เหมาะแก่การไปสักการะขอพรอย่ามาก

--------------------------------------

12. พิพิธภัณฑ์อาหารเสฉวน (Sichuan Cuisine Museum)

หากใครได้มาเยือน เมืองเฉิงตู เมืองหลวงแห่งมณฑลเสฉวนแล้ว เชื่อว่ากิจกรรมแรก ๆ ที่ต้องทำก็คือการ “กิน” เพราะอาหารเด็ดที่โด่งดังไปถึงเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น หม่าล่าซ่าลิ้น hotpot เสฉวน ชวนให้ผู้มาเยือนต้องลิ้มลองรสชาติต้นตำหรับให้ได้

แนะนำ สายกินไม่ควรพลาด พิพิธภัณฑ์อาหารเสฉวน พิพิธภัณฑ์ที่กินได้หนึ่งเดียวในโลก นอกจากที่นี่จะมีเรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวิวัฒนาการการทำอาหาร และโบราณวัตถุในสมัยต่าง ๆ ให้เราได้ชมกันแล้ว ยังมีอาหารเสฉวนแท้ ๆ มาให้เราได้ชิมอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีโซนให้ทดลองทำ ได้เห็นกรรมวิธีที่พิถีพิถันของความเป็นอาหารเสฉวนต้นตำหรับ ช่างเป็นสุดยอดพิพิธภัณฑ์ที่คุ้มค่ากับการได้ไปเยือน